แก้วมังกร...
แก้วมังกร มีสารอาหารหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินซี และมีเส้นใย มีสรรพคุณช่วยลดโคเลสเตอรอล ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ ลดความดันโลหิต ควบคุมน้ำหนัก แก้ท้องผูก ป้องกันมะเร็งสำไส้ใหญ่และช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น
แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่นำพันธุ์มาจากประเทศเวียดนาม คนเวียดนามเรียกว่า ธานห์ลอง กัมพูชาเรียกว่า สกราเนียะ มีชื่อสามัญว่า Dragon fruit ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hylocereus undatus (Haw) Britt. & Rose. ถิ่นกำเนิดของแก้วมังกรอยู่ในทวีปอเมริกากลาง แถบหมู่เกาะเวสต์อินดีส โคลอมเบีย กัวเตมาลา และ เวเนซูเอล่า สันนิษฐานว่าแก้วมังกรเข้ามาในเอเชียโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่นำพืชพันธุ์ นี้มาจากอเมริกากลางมาปลูกในเวียดนามเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งศตวรรษ ที่เวียดนามปลูกกันมากจนชาวเวียดนามถือว่าเป็นผลไม้ท้องถิ่น มีการปลูกเป็นไม้ผลหลังบ้านและปลูกเป็นสวนขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ตามสภาพดินที่มีอยู บริเวณที่ปลูกกันมากคือ แถบชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเมืองนาตรังทางเหนือลงไปทางใต้ถึงนครโฮจิมินห์
- ส่วนในเมืองไทยนั้น มีผู้นำแก้วมังกรเข้ามาปลูกเป็นเวลานานมากกว่ากึ่งศตวรรษแล้ว แต่ไม่เป็นที่รู้จักเมื่อราว พ.ศ. 2534 เพิ่งมีการนำต้นพันธุ์ดีจากประเทศเวียดนามเข้ามาปลูกเพื่อเป็นผลไม้เศรษฐกิจ
- แก้วมังกรเป็นไม้ในตระกูลกระบองเพชร ลำต้นเป็นแฉก 3 แฉก คล้ายครับมังกร มีหนามเป็นกระจุกอยู่ที่ตา 4-5 หนาม ลำต้นเดียว แผ่ก้านออกไปรอบ ๆ ต้องมีค้างคอยพยุง ดอกสีขาว เป็นรูปทรงกรวยขนาดใหญ่ มีกลีบยาวเรียวทับซ้อนกัน บานในเวลากลางคือ จึงมีชื่อเรียกว่า moonflower หรือ lady ot the night หรือ queen of the night ผลแก้วมังกรเมื่อดิบผิวเปลือกเป็นสีเขยว รูปทรงกลมรี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 6-10 ซม. มีกลีบเลี้ยงติดอยู่ตามเปลือกผล เมื่อสุกผิวเปลือกเปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพู เนื้อในมีทั้งสีแดงและสีขาวขุ่น มีเมล็ดเล็ก ๆ สีดำคล้ายเมล็ดแมงลักกระจายทั่วทั้งผล ปลูกได้ทุกภาคทั่วประเทศ แต่แหล่งที่มีการปลูกมากอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี กาญจนบุรี สระบุรี และ สมุทรสงคราม (ระยองเองก็มีปลูกขายกันเยอะนะจ้ะ) แก้วมังกรมีหลายพันธุ์ด้วยกัน
- แก้วมังกรในประเทศไทยมีผลดกช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน แต่ก็มีผลประปรายตลอดทั้งปี .
สาธารญสุข ยืนยันแก้วมังกร “กินได้ไม่เป็นมะเร็ง” สรรพคุณทางโภชนาการมีเพียบ
.
โฆษกกระทรวง สาธารณสุข ชี้กระแสข่าวกินแก้วมังกรแล้วเป็นมะเร็ง เป็นพียงข่าวลือ ยืนยันยังไม่มีงานวิจัยที่ใดในโลกว่ากินผลไม้ชนิดนี้แล้วเป็นมะเร็ง
แก้ว มังกรเป็นผลไม้มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกับผลไม้อื่น ๆ มีสารอาหารวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และที่สำคัญคือให้พลังงานต่ำ จากข้อมูลของกองโภชนาการ กรมอนามัย ระบุว่า ถ้ากินแก้วมังกร 1 ลูก น้ำหนักประมาณ 100 กรัม ร่างกายจะได้แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 32 มิลลิกรัม วิตามินซี 7 มิลลิกรัม โปรตีน 1.4 กรัม คาร์โบไฮเดรท 12.4 กรัม พลังงาน 66 กิโลแคลอรี่ และใยอาหาร 2.6 กรัม กรมอนามัยได้แนะนำให้คนไทยกินผลไม้ไทยตามฤดูกาล และกินให้หลากหลายชนิด ไม่ควรกินผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งติดต่อกันหลายวัน เพื่อให้ได้สารอาหารหลากหลายชนิด และที่สำคัญคือ กินในปริมาณที่เหมาะสมตามธงโภชนาการ คือกินผลไม้ให้ได้วันละ 3-5 ส่วน
ในการกินผลไม้ให้ได้ 1 ส่วน หมายถึง กินผลไม้อย่างใดอย่างหนึ่งในแต่ละมื้อตามปริมาณดังนี้ เช่น กล้วยน้ำว้า 1 ผล หรือกล้วยหอมครึ่งผล หรือส้มเขียวหวาน 1 ผล เงาะ 4 ผล ฝรั่งครึ่งผล มะละกอหรือสัปปะรดหรือแก้วมังกร 6-8 ชิ้นพอคำ เป็นต้น และการกินแต่ละมื้อไม่ควรเป็นผลไม้ชนิดเดียวกัน เช่นมือเช้ากินกล้วยน้ำว้าแล้ว 1 ผลแล้ว มื้อเที่ยงควรเปลี่ยนเป็นส้ม 1 ผล และมื้อเย็นควรเป็นมะละกอ สัปปะรดหรือแก้วมังกรหั่นพอคำ 6-8 ชิ้น ร่างกายก็จะได้ผลไม้ตามเกณฑ์ที่จำเป็น
แหล่งข่าวโดย : ฝ่ายข่าวและสื่อมวลชนสัมพันธ์ กลุ่มสารนิเทศ สำนักงานสารนิเทศและประชาสัมพันธ์
|